ความสำคัญของการมีจุดยืน
- จุดยืนจะเป็นตัวบอกว่าเราอยู่ที่ไหนและจะไปไหน ทั้งยังเป็นการแบ่งเส้นให้เห็นชัดว่าอะไรที่เราไม่ควรทำในฐานะที่เราเป็นคริสเตียน เราจึงควรเรียนรู้จักจุดยืนของคริสตชนตามคำสอนของพระเจ้าในพระคัมภีร์และประกาศจุดยืนของเราอย่างแจ่มชัด เพราะถ้าหากเราปราศจากจุดยืนในชีวิตแล้ว เราก็ไม่ต่างอะไรกับ “เกลือที่หมดรสเค็ม” ซึ่งมีแต่จะทิ้งเสียสำหรับคนเหยียบย่ำ ดังนั้นการมีจุดยืนจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
- 2ทธ.1.13-14 “จงประพฤติตามแบบอย่างแห่งคำสอนอันมีหลักที่ท่านได้ยินจากข้าพเจ้า ด้วยความเชื่อและความรักซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์ จงรักษาความจริงซึ่งได้ทรงมอบไว้แก่ท่าน โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ภายในเรา”
- พระคัมภีร์ข้อนี้ได้กำชับให้เราดำเนินชีวิตตามแบบ “คำสอนอันมีหลัก” และรักษาความจริง คริสเตียนจึงต้องระมัดระวังในการดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเจ้า เพราะไม่เช่นนั้นเราจะพลาดหลงไปจากสัจธรรมความจริงของพระเจ้าได้
- 2 ทธ.4.3-4 เปาโล ได้พูดถึงเวลาที่จะสิ้นยุคว่า “คนจะทนต่อคำสอนอันมีหลักไม่ได้ แต่จะรวบรวมครูไว้สอนในสิ่งที่เขาอยากฟัง” คริสเตียนต้องยืนหยัดมั่นคงในจุดยืน เพื่อจะไม่พลาดจากหลักความจริงของพระเจ้าไปฟังคำล่อลวงอื่น ๆ
จุดยืนตามหลักพระคัมภีร์
จุดยืนเรื่องพระเจ้า พระคัมภีร์สอนว่าพระเจ้ามีองค์เดียวแต่มี 3 พระภาค พระภาคที่ 1 คือ พระบิดา มีลักษณะเป็นพระวิญญาณ แต่มีความเป็นบุคคลหรือมีบุคลิกภาพ คือ สามารถตัดสินใจ มีอารมณ์และจิตสำนึกด้านศีลธรรม ถึงกระนั้นพระเจ้าก็เป็นพระเจ้าที่ไม่ถูกจำกัดโดยมิติของสถานที่ เวลา และความสามารถ ดังนั้นพระเจ้าจึงรู้ไม่จำกัด มีฤทธิ์อำนาจไม่จำกัด และทรงอยู่ทุกหนทุกแห่งในเวลาเดียวกันได้ พระเจ้าที่เราพูดถึงนี้แหละคือพระเจ้าที่สร้างโลกมนุษย์ขึ้น เป็นพระเจ้าที่บริสุทธิ์ยุติธรรม รักมนุษย์
จุดยืนเรื่องพระคัมภีร์ พระคัมภีร์สอนว่า พระคัมภีร์เป็นพระคำของพระเจ้า เพราะได้รับการดลใจจากพระเจ้าให้เขียนขึ้น ดังนั้นจึงไม่ผิดพลาด แต่เป็นจริงมีสิทธิอำนาจสูงสุดที่มนุษย์ต้องนบนอบเชื่อฟัง เพราะเป็นมาตรฐานเดียวของความจริงในโลกที่ไม่เปลี่ยนแปลง
จุดยืนเรื่องพระเยซู พระคัมภีร์สอนว่า พระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้า พระภาคที่ 2 คือ พระบุตร มารับสภาพเป็นมนุษย์ในโลก โดยเกิดจากหญิงพรหมจารี 100% พระเยซูเป็นพระเจ้า บังเกิดเป็นมนุษย์ ตายที่กางเขนไถ่บาปมนุษย์ทั้งโลก เป็นขึ้นจากความตายในวันที่ 3 เสด็จสู่สวรรค์ประทับ ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า
จุดยืนเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระคัมภีร์สอนว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระเจ้าพระภาคที่ 3 คือ พระวิญญาณ พระองค์ไม่ใช่พลังอำนาจ แต่เป็นบุคคลมีบุคลิกภาพ พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ช่วยที่พระเยซูสัญญาว่าจะประทานกับผู้เชื่อทุกคน ยน.16.14-15 พระวิญญาณบริสุทธิ์จึงมีบทบาทสำคัญมากต่อชีวิตคริสเตียนในยุคปัจจุบันทั้งในด้านของประทาน ผลของพระวิญญาณ (ลักษณะชีวิต) และของประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ (การรับใช้)
จุดยืนเรื่องมนุษย์กับบาป พระคัมภีร์สอนว่า มนุษย์รับการสร้างจากพระเจ้าให้แตกต่างจากทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง มนุษย์จึงมีคุณค่าสูงมากในสายพระเนตรของพระเจ้า เพราะมนุษย์มิได้ประกอบด้วยเพียงร่างกายและจิตใจเท่านั้น แต่มนุษย์มีจิตวิญญาณหรือพระฉายาของพระเจ้านั่นเอง พระเจ้าสร้างมนุษย์มาดีและมีอิสระไม่มีบาปแต่ต้น และมีแผนการณ์ที่ดีสำหรับมนุษย์ด้วย แต่มนุษย์ได้ล้มลงในบาปและการตัดสินใจไม่เชื่อฟังพระเจ้า ดังนั้นมนุษย์จึงพลาดจากแผนการณ์ที่ดีของพระเจ้า
จุดยืนเรื่องความรอด พระคัมภีร์สอนว่า พระเจ้าได้จัดเตรียมหนทางแห่งความรอดให้มนุษย์ ผู้ล้มลงในบาป รม.5.20 คือ โดยประทานพระเยซูคริสต์ให้มาตายไถ่บาปของมนุษย์ทั้งโลก มนุษย์เพียงแต่เชื่อวางใจในพระเยซูและรับเอา มนุษย์จึงจะรอดจากผลของบาปและอิทธิพลของบาปที่ครอบงำชีวิตได้ ซึ่งความรอดนี้มิได้มาโดยความประพฤติ แต่เป็นมาโดยพระคุณของพระเจ้าโดยความเชื่อ
จุดยืนเรื่องคริสตจักร พระคัมภีร์สอนว่า “คริสตจักร” คือกลุ่มชนที่เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ เป็นชุมชนของพระเจ้าในโลก คริสตจักรเป็นที่สำแดงพระเจ้าแก่โลก มีฐานะและตำแหน่งที่สำคัญมาก อฟ.3.9-11 บอกว่า เป็นเหมือนพระกายของพระเยซูที่สำแดงพระองค์ในโลกและทำงานแทนพระเยซูในโลก ดังนั้นผู้เชื่อทุกคนจึงต้องเข้าผูกพันตัวในคริสตจักรท้องถิ่น
จุดยืนเรื่องฑูตสวรรค์ พระคัมภีร์สอนว่า ฑูตสวรรค์ เป็นวิญญาณที่พระเจ้าสร้างขึ้นเพื่อปรนนิบัติพระเจ้า มีหน้าที่ทำตามคำสั่งของพระเจ้า ต่อมาฑูตสวรรค์กลุ่มหนึ่งได้กบฏต่อพระเจ้า พระเจ้าจึงขับไล่ออกจากสวรรค์กลายเป็นวิญญาณชั่ว มีหัวหน้าชื่อซาตาน ดังนั้นจึงมีฑูตสวรรค์ดีและฑูตสวรรค์ชั่ว ฑูตสวรรค์ดีคือเชื่อฟังพระเจ้า ฑูตสวรรค์ชั่วคอยทำลายคริสเตียนให้ล้มลงในบาป
จุดยืนเรื่องยุคสุดท้าย พระคัมภีร์สอนว่า โลกนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อพระเยซูกลับมารับคริสตจักรของพระองค์ในยุคสุดท้าย ผู้เชื่อที่ตายไปแล้วก็จะเป็นขึ้นมาใหม่ และถูกรับไปพร้อมกับผู้เชื่อที่ยังเป็นอยู่ ในยุคสุดท้ายจะมีการพิพากษา คนที่ไม่เชื่อตายไปจะถูกพิพากษาให้ตกนรก เป็นความตายครั้งที่ 2 ส่วนผู้เชื่อจะถูกรับไปอยู่กับพระเจ้าบนสวรรค์
การประยุกต์ใช้
- การประยุกต์ใช้หลักข้อเชื่อที่เรารู้เข้ากับการดำเนินชีวิตประจำวันนั้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะแต่ละคนย่อมอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นไม่มีสูตรตายตัว การประยุกต์ใช้จึงเป็นเรื่องยาก และต้องการสติปัญญาจากพระเจ้ามาก อย่างไรก็ตามเราสามารถสมมุติสถานการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นได้ดังที่เรายกตัวอย่าง เช่น
*จุดยืนเรื่องพระคัมภีร์ ประยุกต์ได้ คือ เราให้พระคัมภีร์เป็นมาตรฐานความจริงสูงสุด ไม่ผิดพลาด เป็นสิ่งที่ใช้วัดทุกสิ่งว่าถูกหรือผิด จริงหรือเท็จ ในเรื่องต่างๆ ของชีวิต ให้เรานบนอบต่อพระคัมภีร์ในทุกเรื่อง
*จุดยืนเรื่อง พระเจ้า พระเยซู พระวิญญาณบริสุทธิ์ ประยุกต์ได้คือ หากมีใครสอนผิดจากที่พระคัมภีร์สอน เช่น พระเยซูไม่ใช่พระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์ หรือพระวิญญาณไม่ใช่บุคคล ไม่มีบุคลิกภาพ ฯลฯ เราจะไม่ฟังคนเหล่านั้น เพราะเรารู้ว่าเขาสอนผิดจากคำสอนของพระเจ้า
*จุดยืนเรื่องมนุษย์ทำบาป ประยุกต์ได้คือ มนุษย์มีคุณค่ามาก ถูกสร้างตามพระฉายาของพระเจ้า พระเยซูตายเพื่อไถ่มนุษย์ ทำให้เราเห็นคุณค่าคนอื่น คริสเตียนควรรักและเห็นคุณค่าคนอื่น
*จุดยืนเรื่องความรอด ประยุกต์ได้คือ เราพึ่งพระคุณพระเจ้าในความรอดของเรา ไม่ใช่การทำดี คริสเตียนมั่นใจในความรอดที่เราได้รับเพราะเป็นพระคุณ ความรอดไม่ได้ขึ้นลงตามการกระทำของเรา
*จุดยืนเรื่องคริสตจักร ประยุกต์ได้คือ ดำเนินชีวิตผูกพันตัวกับคริสตจักร เพราะคริสตจักรเป็นศูนย์กลางน้ำพระท้ยพระเจ้าในโลก คริสเตียนจึงไม่ขาดการประชุม ดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับการขยายคริสตจักร เป็นการขยายอาณาจักรพระเจ้า อันเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า
*จุดยืนเรื่องยุคสุดท้าย ประยุกต์ได้คือ ดำเนินชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้าและไม่ผูกพันกับโลกวัตถุ เพราะเตรียมชีวิตที่จะพบกับพระเยซูเสมอโดยการเร่งทำงานของพระเจ้าและมีชีวิตที่ชอบธรรม