ปฐก.1-2 ได้บรรยายให้เราทราบว่า พระเจ้าทรงสร้างโลกอย่างดี ทุกสิ่งสวยงาม อุดมสมบูรณ์และมนุษย์ไม่มีบาปเลย แต่ปัจจุบันเรากลับเห็นว่ามนุษย์เต็มไปด้วยความชั่วร้าย อิจฉาริษยากัน ชิงดีชิงเด่นกัน ฆ่ากัน สภาพธรรมชาติก็เปลี่ยนไป มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นมากมาย มลภาวะเป็นพิษก็มีมาก สิ่งต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
1. บาปเข้ามาในโลกได้อย่างไร?
ดังที่กล่าวมาในตอนต้นแล้วว่า เริ่มแรกนั้นพระเจ้าสร้างสรรพสิ่งล้วนแต่ดี ทั้งมนุษย์ก็สมบูรณ์ไม่มีบาป แต่เพราะมนุษย์ไม่เชื่อฟังพระเจ้า การไม่เชื่อฟังคือความบาป ทันทีที่มนุษย์ไม่เชื่อฟัง ความบาปก็ได้เกิดขึ้นในชีวิตมนุษย์และในโลกนี้
2. ความหมายของบาปตามหลัการพระคัมภีร์
2.1 การเลือกทำตามใจตนเอง พระเจ้าไม่ได้สร้างมนุษย์ให้เหมือนหุ่นยนต์ที่ไม่มีความรู้สึก ไม่สามารถคิดหรือตัดสินใจด้วยตนเองได้ แต่พระเจ้าสร้างมนุษย์ให้สามารถติดต่อกันได้ โดยพระองค์ให้แนวทางในการตัดสินใจแก่มนุษย์ และพระองค์คาดหวังให้มนุษย์เลือกเดินตามทางของพระองค์ แต่มนุษย์กลับเลือกที่จะทำตามใจตนเอง มนุษย์เอาตนเองเป็นใหญ่ และเลือกทำตามใจตนเองนั้นจึงเป็นบาป ปฐก.2.16-17, ปฐก.3.6, ยก.1.14-15
2.2 การพลาดไปจากเป้าหมายของพระเจ้า พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้านิรันดร์ ทรงบริสุทธิ์และชอบธรรม พระองค์ปรารถนาให้เรามีชีวิตนิรันดร์ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์ มีชีวิตที่บริสุทธิ์ ชอบธรรม และมีสง่าราศีเหมือนกับพระองค์ แต่มนุษย์กลับพลาดไปจากเป้าหมายที่พระเจ้ากำหนดไว้สำหรับมนุษย์ เพราะมนุษย์เลือกที่จะทำตามใจตนเอง มนุษย์จึงเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า รม.3.23
3. เราทำบาปได้ทางใดบ้าง?
3.1 โดยการละเมิดกฏเกณฑ์ของพระเจ้า พระเจ้าทรงประทานกฏเกณฑ์ในการดำเนินชีวิต ในทางแห่งพระพรให้แก่ผู้เชื่อไว้ในพระคัมภีร์ ซึ่งเรามักจะพบคำสั่งของพระเจ้า คำว่า “อย่า” อยู่บ่อยๆ ซึ่งเรามักจะฝ่าฝืนกฏเกณฑ์ของพระเจ้าอยู่เสมอ เช่น ปฐก.2.16-17, ปฐก.3.6
3.2 โดยการละเมิดต่อคำสั่งและคำเตือนของพระเจ้า ในพระคัมภีร์มีคำสั่งและคำตักเตือนให้คนของพระเจ้าถือปฏิบัติมากมายซึ่งเรามักจะพบคำว่า “จง” อยู่บ่อยๆ เช่น ลก.10.27, มธ.5.23-24 การที่เราละเลยไม่ทำตามคำสั่งสอน หรือตักเตือนของพระคัมภีร์ถือเป็นบาปของการละเลย ถ้าจิตใจสำนึกของเราบอกว่าอะไรดี แต่เราตั้งใจที่จะทำตามใจตนเอง ทำตามเนื้อหนัง ละเลยที่จะทำตามจิตสำนึกที่ดีเราก็ทำบาปแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าเราทุกคนเป็นคนบาป ยก.4.17
4. ผลของบาป
4.1 ทำให้เราถูกแยกจากพระเจ้า อสย.59.1-2 , รม.6.23 บาปเป็นเหมือนม่านกั้นระหว่างเรากับพระเจ้า ทำให้เราถูกแยกจากพระเจ้าตลอดชั่วนิรันดร์ และความตายในที่นี้หมายถึงการถูกแยกจากพระเจ้าตลอดชั่วนิรันดร์ ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณไปอยู่ในนรกซึ่งเป็นบึงไฟมีแต่ความทุกข์ทรมาน
4.2 ทำให้พระเจ้าไม่ฟังเสียงของเรา สดด.66.18 คำอธิษฐานไม่ได้รับคำตอบ หากชีวิตอยู่ในบาป
4.3 ทำให้เราเป็นทาสของบาป ยน.8.34 มีคนเคยกล่าวไว้ว่า การทำบาปครั้งแรกเป็นเหมือนแขกแปลกหน้า และเมื่อทำครั้งที่ 2-3 เราก็เริ่มคุ้นเคยกับบาปมากขึ้นเป็นเหมือนเพื่อนกัน แต่หากเรายังทำบาปไปเรื่อยๆ เราก็จะกลายเป็นทาสของมันในที่สุด
5. เราจะพ้นบาปได้อย่างไร?
5.1 ส่วนของพระเจ้า รม.5.8, อฟ.1.8-9 พระองค์ทรงมาช่วยเรา โดยทรงยอมวายพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปของเราซึ่งเป็นพระคุณพระเจ้าที่ทรงประทานให้แก่เราเปล่าๆ
5.2 ส่วนของเรา ยน.1.12, ยน.3.16 เราต้องกลับใจจากบาปหันหลังให้บาป เปิดใจของเราออกเชื่อวางใจในพระเยซู และให้พระองค์เข้ามาเป็นพระผู้ช่วยในชีวิตของเรา ถ่อมใจยอมรับการช่วยเหลือจากพระเจ้า
สรุปเราทุกคนเป็นคนบาปและต้องรับโทษแห่งความบาป คือ ความตาย คือ การถูกแยกจากพระเจ้าชั่วนิรันดร์แต่พระเจ้ามีพระคุณต่อเราทรงช่วยเราให้พ้นจากโทษขอบบาปนั้นดังนั้นเราจึงควรถ่อมใจเชื่อฟังพระเจ้าโดยตระหนักถึงพระคุณพระเจ้าอยู่เสมอ และตั้งใจติดตามพระเจ้าแม้จะมีอุปสรรคก็ตาม แต่เราจะสามารถผ่านพ้นไปได้ในทุกสถานการณ์