การมาเป็นคริสเตียนคือการกลับมามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าใหม่อีกครั้ง ในฐานะที่พระเจ้าเป็นพระบิดาผู้ยิ่งใหญ่ในสวรรค์ และเราทั้งหลายเป็นบุตรของพระองค์ ความสัมพันธ์ในฐานะบิดากับบุตรนี้เอง ที่ทำให้เราได้รับพระพรอย่างมากมายจากพระเจ้าพระบิดาของเรา ดังนั้นคริสเตียนจึงต่างกับคนทั่วไปในโลกที่ไม่รู้จักกับพระเจ้า
การรู้จักพระเจ้าเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างผู้เชื่อกับพระเจ้าผู้สร้างเราและผู้ประทานพระพรให้กับเรา ในความสัมพันธ์กับพระเจ้ามีอะไรบ้างคือ
- ความสัมพันธ์ของพระเจ้าที่สำแดงต่อเราทำให้เกิดพระพร
พระเจ้าผู้ทรงเป็นผู้ประทานพระพรแก่เรา และพระองค์ทรงสำแดงความสัมพันธ์ต่อเราในพระลักษณะที่แตกต่างกันในวาระและ เวลาต่าง ๆ พระลักษณะของพระเจ้าที่ทรงโปรดสำแดงแก่เรามี 3 ลักษณะด้วยกัน เรียกว่า
“ตรีเอกานุภาพ”
ซึ่งพระเจ้าได้ทรงโปรดให้เรารู้ว่าทั้ง 3 พระลักษณะของพระองค์นั้น ดำรงอยู่ก่อนการสร้างโลกแล้ว และพระองค์ทรงสำแดงให้เราเห็นตั้งแต่ยุคพระคัมภีร์เดิมจนถึงยุคพระคัมภีร์ ใหม่และในยุคปัจจุบัน พระลักษณะของพระเจ้าที่เรียกว่า “ตรีเอกานุภาพ”นี้หมายถึงพระเจ้าที่เป็น
1.1 พระบิดา คือพระผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ พระเจ้าทรงโปรดสำแดงพระองค์ในพระลักษณะของ“พระบิดา” ในยุคพระคัมภีร์เดิม แต่พระบุตรคือพระเยซูและพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็อยู่ด้วย เพราะเป็นพระเจ้าองค์เดียว
1.2 พระบุตร คือพระเจ้าพระผู้สร้าง ผู้ทรงเสด็จลงมารับสภาพเป็นมนุษย์ ทรงพระนามว่าพระเยซูคริสต์ พระองค์มาเพื่อไถ่มนุษย์ให้รอดพ้นจากการพิพากษาเพราะบาป ให้ทุกคนที่เชื่อได้รับชีวิตใหม่ มีชีวิตนิรันดร์ และได้รับการยกฐานะให้เป็นบุตรของพระเจ้า (เมื่อพระเจ้าทรงสำแดงพระองค์ในพระลักษณะของพระบุตรเพื่อมาช่วยมนุษย์ในโลก นี้พระลักษณะของพระบิดา และพระวิญญาณก็ยังมีอยู่เช่นเดียวกัน เพราะเป็นพระเจ้าองค์เดียว)
1.3 พระวิญญาณบริสุทธิ์ คือ พระเจ้า ซึ่งเป็นพระผู้ช่วย ที่สถิตย์อยู่ในผู้ที่เชื่อทุกคน แต่มนุษย์เราไม่สามารถมองเห็น หรือจับต้องได้เพราะเป็นพระวิญญาณ แต่เราสามารถสัมผัสกับพระองค์ได้ เหมือนเราได้สัมผัสกับลมที่พัดอยู่รอบตัวเรา เรารู้ว่ามีลมแต่มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้ และพระองค์ทรงโปรดสำแดงพระลักษณะของพระองค์แก่เรา ในยุคปัจจุบันนี้ที่เรียกว่า “ยุคของพระคุณ” (พระลักษณะของพระบิดาและพระบุตร ก็ยังคงมีอยู่เช่นเดียวกัน เพราะเป็นพระเจ้าองค์เดียว)
- ความสัมพันธ์นำมาซึ่งความรับผิดชอบ
ก่อนที่เราจะมารู้จักกับพระเจ้า พระเจ้ามิได้ทรงอวยพระพรเรา และเราก็มิได้เชื่อฟังพระเจ้า แต่เมื่อเรากลับมามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าใหม่ พระเจ้าก็กลายมาเป็นพระบิดาผู้ทรงโปรดดูแลชีวิตของเราและเราก็กลายเป็นบุตร ที่เชื่อฟังพระเจ้า ความสัมพันธ์จึงนำมาซึ่งความรับผิดชอบทั้ง 2 ฝ่าย คือบุตรเชื่อฟังพระบิดา และพระบิดาทรงดูแลและอวยพรบุตรของพระองค์ คือ เราทั้งหลายที่เชื่อ ยน.1:12 “แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า” ดังนั้น เราได้รับสิทธิเป็นบุตรของพระเจ้าเมื่อเราเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ เมื่อเราได้รับการดูแลชีวิตให้ได้รับสิ่งดี ๆ จากพระเจ้า พระบิดาของเรา
มธ.6:32-33 “เพราะว่าพวกต่งชาติแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตย์ในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการสิ่ง ทั้งปวงเหล่านี้ แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้”
เป็นเรื่องธรรมดาที่บิดาย่อมให้แต่สิ่งดีแก่บุตรของตน พระเจ้าผู้ทรงเป็นพระบิดาของเราก็จะทรงประทานพระพร และสิ่งดีมากมายแก่เราที่เป็นบุตรอย่างแน่นอน ดังนั้นเราจึงควรคาดหวังการอวยพรของพระเจ้าในชีวิตของเรา