Home คริสเตียนศึกษา การอ่านพระคัมภีร์

หนังสือในโลกมีมากมายจนนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่มีหนังสือเล่มใดที่จะเหมือนกับพระคัมภีร์ เพราะว่าพระคัมภีร์ไม่ได้เขียนขึ้นโดยความคิดของมนุษย์ แต่ได้เขียนขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้า (2ทธ.3:16-17) (2ปต.1:20-21) ดังนั้นพระคัมภีร์จึงเป็นการสำแดงจากพระเจ้ามาสู่มนุษย์ เราจึงพบว่าพระคัมภีร์มีสิทธิอำนาจและอิทธิพลอย่างมากต่อผู้ที่อ่าน คนจำนวนมากทั่วโลกทั้งในอดีตและปัจจุบันได้รับการเปลี่ยนแปลงชีวิตจากการอ่านพระคัมภีร์ทุกวัน พระคัมภีร์จึงเป็นเสมือน “หนังสือแห่งชีวิต”

1. ประโยชน์ของการอ่านพระคัมภีร์


1.1 เป็นอาหารฝ่ายจิตวิญญาณ

พระเยซูตรัสใน มธ.4:4 ทำไมมนุษย์จึงไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวทำไมอาหารจึงไม่เพียงพอต่อชีวิตของมนุษย์ก็เพราะว่าชีวิตของมนุษย์มิได้ประกอบด้วยร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่ชีวิตมนุษย์ประกอบด้วย ส่วนคือ ร่างกาย จิตใจ และ  จิตวิญญาณ อาหารอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอสำหรับชีวิตของมนุษย์ เพราะชีวิตของเรามีมากกว่าแค่เพียงร่างกาย เรามีจิตใจและจิตวิญญาณด้วย จิตใจต้องการความสัมพันธ์กับผู้อื่น แต่จิตวิญญาณต้องการพระคำของพระเจ้าคือพระคัมภีร์ ที่หล่อเลี้ยงชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราให้เติบโตขึ้นเหมือนทารกแรกเกิดที่ต้อง การน้ำนม ชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราก็ต้องการอาหาร คือพระคำของพระเจ้า (1ปต.2:2) ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียน เราจึงเป็นคนฝ่ายวิญญาณ และเราต้องการอาหารฝ่ายวิญญาณคือพระคัมภีร์ ถ้าหากร่างกายเราขาดอาหารไม่ได้   จิตวิญญาณเราก็ขาดการอ่านพระคัมภีร์ไม่ได้เช่นเดียวกัน   พระคัมภีร์จึงมีความจำเป็นในการดำเนินชีวิตคริสเตียนของเราเพราะเป็นอาหารของเรา

1.2 นำทิศทางให้กับชีวิตของเรา

สดด.119:105  พระคัมภีร์เปรียบเหมือนความสว่างและโคมส่องทาง เพื่อจะนำทิศนำทางให้แก่ชีวิตของเราไปในทางที่ถูกต้องตามที่พระเจ้าต้องการ หลายครั้งเราต้องตัดสินใจและเราไม่รู้ว่าควรจะเลือกเดินทางไหนดี แต่เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์เราจะเข้าใจทางที่เราควรจะเดินไป เพราะพระคัมภีร์จะส่องสว่างแก่เรา เราจึงควรอ่านพระคัมภีร์สม่ำเสมอเพื่อเข้าใจแผนการของพระเจ้า

1.3 พระคัมภีร์เป็นเหมือนกระจก 

ทุกครั้งที่เราอ่านพระคัมภีร์ พระคัมภีร์จะเป็นกระจกที่ส่องให้เราเห็นว่าพระเจ้าดีอย่างไร และรู้จักตัวเราเองว่าเป็นอย่างไร มีอะไรบกพร่องที่จะต้องเปลี่ยนแปลง และเราจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรพระคัมภีร์จึงจำเป็นมากสำหรับชีวิตคริสเตียน (ยก.1:23)

1.4 เพื่อเราจะถูกเปลี่ยนแปลงลักษณะชีวิตให้เป็นเหมือนพระเยซู

มธ.5:48 เมื่อเรามาเป็นคริสเตียน พระเจ้าเรียกร้องให้เรามีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงใหม่ ให้เป็นคนดีเหมือนพระเจ้า พระเจ้ามิได้คาดหวังว่าเราจะเปลี่ยนทันทีทันใด แต่พระเจ้าคาดหวังให้เรามีการพัฒนาชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆและเราจะเป็นคนดีรอบคอบก็ต่อเมื่อเราอ่านพระคัมภีร์และตอบสนอง

1.5 เพื่อจะเตรียมชีวิตเราให้ทำการดี

2ทธ.3:16-17 พระคัมภีร์เป็นพระคำของพระเจ้า มีฤทธิ์เดชที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้ อีกทั้งยักตักเตือนว่ากล่าว ปรับปรุงแก้ไขให้เป็นคนดี และให้ดำเนินชีวิตอยู่ในความชอบธรรมตามน้ำพระทัยของพระเจ้า เพื่อจะเป็นคนดีพร้อมทุกอย่างในการดำเนินชีวิตได้ ดังนั้นคริสเตียนทุกคนจึงต้องแสวงหาพระเจ้า เพื่อที่จะรู้จักพระเจ้าและน้ำพระทัยของพระองค์ เพื่อที่จะเป็นคนชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า

2. ความเข้าใจเกี่ยวกับพระคัมภีร์


พระคัมภีร์ คือ หนังสือซึ่งมีคุณค่ามหาศาล และไม่มีหนังสืออื่นใดสามารถเปรียบเทียบได้ เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นจากการดลใจของพระเจ้าในใจมนุษย์ เพื่อเราจะสามารถรู้จักพระเจ้าได้

2.1 เป็นหนังสือรวมเล่มประกอบด้วยหนังสือ 66 เล่ม เขียนโดยผู้เขียน 40 กว่าคนในช่วงเวลา 20 ศตวรรษ ซึ่งเป็นคนต่างยุคต่างสมัยกัน ต่างเชื้อชาติ ต่างความรู้ความเข้าใจ เราจะพบว่าเนื้อความและบริบทในพระคัมภีร์ที่มีคนเขียนถึง 40 กว่าคนนั้นสามารถสอดคล้องและเกี่ยวโยงกันโดยไม่มีความผิดพลาด และได้เปิดเผยความจริงในลักษณะสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์

2.2 ในพระคัมภีร์เดิม (39 เล่ม) เป็นพยานถึงเรื่องพระเจ้าองค์เดียว ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าและการพยากรณ์ถึงเรื่องราวในอนาคต เขียนเป็นภาษา ฮีบรู 

2.3 ในพระคัมภีร์ใหม่ (27เล่ม) เป็นเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ ผู้มาไถ่บาปมนุษย์การฟื้นคืนพระชนม์ พระราชกิจของพระองค์ การเป็นศีรษะของคริสตจักร และการเสด็จกลับมาอีกครั้งของพระเยซูคริสต์ เขียนเป็นภาษากรีก

3. ท่าทีที่คริสเตียนควรมีต่อพระคัมภีร์


3.1 ท่าทียอมรับและเชื่อฟังพระคัมภีร์

2ทธ.3:16-17 พระคัมภีร์เป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์ เขียนขึ้นโดยการดลใจของพระเจ้า พระคัมภีร์จึงไม่เหมือนหนังสือทั่วไปที่เราเคยอ่าน แต่เป็นคำของพระเจ้า พระคัมภีร์จึงมีสิทธิอำนาจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา คริสเตียนจึงต้องนบนอบและเชื่อฟังพระคัมภีร์ทุกข้ออย่างจริงใจไม่ว่าเราทำ ได้หรือไม่ได้ก็ตาม เราต้องมีท่าทีอยากปฏิบัติตามคำสอนในพระคัมภีร์

3.2 มีท่าทีหิวกระหายพระคำ

1ปต.2:2 ท่าทีการอ่านพระคัมภีร์ของเราต้องเป็นท่าทีหิวกระหาย อยากรู้และเข้าใจพระคัมภีร์เหมือนทารกที่หิวนม เราต้องนิวกระหายอยากอ่านพระคัมภีร์ ถ้าหากเราปราศจากท่าทีหิวกระหายการอ่านพระคัมภีร์ของเราก็จะไม่มีความ ตื่นเต้น เราก็จะไม่ได้รับความเต็มอิ่มในจิตวิญญาณ

3.3 มีท่าทีแห่งความเชื่อ

ฮบ.11:6 พระคัมภีร์เป็นพระคำของพระเจ้า ฉะนั้นการเข้าหา พระคัมภีร์จึงเหมือนกับการเข้าหาพระเจ้า เราต้องเข้าหาพระเจ้าด้วยความเชื่อ การเข้าหาพระคัมภีร์จึงไม่ควรเป็นท่าทีพิสูจน์ความจริง แต่เป็นท่าทีแห่งความเชื่อ

  • 1. เชื่อว่าพระคัมภีร์เป็นพระวจนะอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า
  • 2. เชื่อว่าพระคัมภีร์ไม่มีวันผิดพลาดหรือล้มเหลว เพราะพระเจ้าเป็นผู้ตรัส
  • 3. เชื่อว่าพระคัมภีรเป็นมาตราฐานสูงสุดของความจริง
  • 4. เชื่อว่าพระคัมภีร์มีฤทธิ์เดชอำนาจที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้

4. การประยุกต์พระคัมภีร์ใช้ในชีวิตประจำวัน


การนำเอาหลักการของพระคัมภีร์ที่เราได้จากการตีความมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น 2คร.6:14 “อย่าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ” การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน คือ การไม่ร่วมหุ้นส่วนกับคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า เช่น การแต่งงาน เราจะไม่แต่งงานกับคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า เนื่องจากเป้าหมายหรือจุดยืนของชีวิตแตกต่างกัน เป็นต้น


1คร.6:19-20 “ร่างกายของเราเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์” การประยุกต์ใช้ คือ เราตระหนักว่าร่างกายของเรานั้นเป็นที่ประทับของพระเจ้า เราจะดูแลร่างกายของเราเป็นอย่างดี ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ หรือไม่ทำอะไรที่เป็นการทำลายสุขภาพของเรา เป็นต้น


สรุป พระคัมภีร์เป็นสิ่งสำคัญที่ชีวิตคริสเตียนขาดไม่ได้ เราจึงจำเป็นต้องอ่านพระคัมภีร์ทุกวัน และไม่ใช่อ่านอย่างขอไปทีหรือเบื่อหน่าย แต่อ่านด้วยความคาดหวังและความเชื่อว่าพระคัมภีร์จะเปลี่ยนชีวิตของเรา โดยการประยุกต์พระคัมภีร์มาใช้กับชีวิตประจำวันของเราเสมอ ให้พระคัมภีร์เป็นเหมือนคู่มือแห่งชีวิตของเรา

Related Posts

Leave a Comment

Are you sure want to unlock this post?
Unlock left : 0
Are you sure want to cancel subscription?
-
00:00
00:00
Update Required Flash plugin
-
00:00
00:00